แอพริคอต (Apricot)

แอพริคอตมีผลลักษณะคล้ายผลท้อ แต่ขนาดเล็กกว่า มีร่องกลางผล เปลือกบางสีเหลืองส้มปกคลุมด้วยขนนุ่มคล้ายกำมะหยี่ มีเมล็ดแข็ง ขนาดใหญ่ ไม่ติดเนื้อ 1 เมล็ด เนื้อหุ้มเมล็ดให้รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย

ผลแอพริคอตสุกมีเบตาแคโรทีนสูง จึงทำให้ผลมีสีเหลืองหรือแดงปนส้ม ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ทำให้แอพริคอตดูน่ากินเท่านั้น แต่ยังมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เพราะเบตาแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ที่ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคต้อกระจก และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคหัวใจและโรคมะเร็ง โดยการบริโภคแอพริคอต 100 กรัม จะได้รับวิตามินเอมากกว่าร้อยละ 30 ของปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันเลยทีเดียว ในแอพริคอตยังมีวิตามินซีช่วยให้ผิวพรรณแข็งแรงและเปล่งปลั่ง มีโพแทสเซียมสูงช่วยลดความดันโลหิต มีเหล็กซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง เหมาะกับผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง เส้นใยอาหารในแอพริคอตช่วยทำความสะอาดระบบการย่อย และเป็นยาระบายอ่อนๆ ด้วย ที่สำคัญยังเหมาะกับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก เพราะมีไขมันต่ำและไม่มีคอเลสเตอรอล

แอพริคอตแห้งจะให้เหล็ก โพแทสเซียม และเส้นใยอาหารสูงกว่าผลสด แต่ผู้ผลิตบางรายอาจใช้ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อยืดอายุการเก็บและช่วยยับยั้งการเปลี่ยนสีของแอพริคอตไม่ให้เป็นสีคล้ำ ซึ่งสารนี้อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยองค์การอนามัยโลกได้กำหนดค่าความปลอดภัยของปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ไว้คือ ปริมาณที่ได้รับไม่เกิน 0.7 มิลลิกรัมต่อคนต่อวัน จึงควรระมัดระวังและเลือกซื้อแอพริคอตแห้งจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้เท่านั้น และควรล้างด้วยน้ำอุ่นก่อนนำมากิน

ส่วนน้ำมันแอพริคอตซึ่งสกัดจากเมล็ดด้วยวิธีสกัดเย็น นิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง เช่น น้ำมันนวด ครีมบำรุงผิว ด้วยคุณสมบัติและประโยชน์ที่กล่าวว่า น้ำมันชนิดนี้มีวิตามินเอ ซีและอี รวมถึงกรดไขมันโอเลอิกและลิโนเลอิกสูง จึงมีสรรพคุณช่วยให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย และอ่อนโยนต่อผิวที่บอบบางและแพ้ง่าย แต่ก็มีวิธีที่ประหยัดเงินกว่านั้นคือ นำผลแอพริคอตสุกมาปั่นละเอียด ทาให้ทั่วผิวหน้า ทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออก วิตามินเอในเนื้อแอพริคอตก็จะช่วยให้ผิวหน้าสดใสเปล่งปลั่ง

สิ่งที่น่าสนใจ