ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aloe vere (L.) Burm.f.
ชื่อวงศ์ : Asphodelaceae
ว่านหางจระเข้ มีสายพันธุ์มากกว่า 300 สายพันธุ์ มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกา เป็นพืชล้มลุก ใบเป็นใบเดี่ยว ใบหนา และเรียวยาว ใบอวบน้ำ โคนใบใหญ่ มีหนามบริเวณริมใบโดยรอบ ใบจะแทงขึ้นมาจากดิน ออกดอกเป็นช่อมีสีส้มแดง ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ ชอบพื้นดินที่ชุ่มชื้นน้ำซึมผ่านได้ง่าย เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทราย ชอบอากาศร้อนชื้น
ว่านหางจระเข้ ถูกใช้เป็นพืชสมุนไพรมาตั้งแต่อดีต มีสรรพคุณในการสมานบาดแผลให้หายสนิทได้อย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่รู้จักและถูกใช้ในด้านความสวยความงาม น้อยนักที่จะรู้จักสรรพคุณทางยาด้านอื่นๆ โดยเฉพาะในว่านหางจระเข้มีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่มาก จึงใช้ลดอุณหภูมิร่างกายได้ดี ช่วยไล่พิษร้อน และแก้อาการร้อนใน
ประโยชน์ของว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้ เป็นสมุนไพรที่มีส่วนประกอบของสารอาหารหลายชนิด มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา วิตามินบีรวม ช่วยบำรุงระบบประสาท บำรุงกล้ามเนื้อ บำรุงเซลล์ผิวหนัง บำรุงเนื้อเยื่อ วิตามินอี ช่วยบำรุงผิว ผม และเล็บให้แข็งแรง
มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง โพแทสเซียมที่ควบคุมระบบของเหลวในร่างกาย สังกะสี ช่วยในการสังเคราะห์ดีเอ็นอี ช่วยในการทำงานของเซลล์ ซีลีเนียม ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ ป้องกันการจับตัวของไขมันในเส้นเลือด
คุณค่าทางสมุนไพร
ใบ ใช้ส่วนที่เป็นผิวใบสีเขียวนำมาโขลกให้ละเอียด ผสมกับเหล้าขาว ใช้พอกแผลที่เป็นหนองหรืออักเสบ ใช้พอกฝีเพื่อสมานแผลให้หายเร็วยิ่งขึ้น ส่วนที่เป็นวุ้นใสสีขาวฝานบาง ๆ ทาแผลที่เกิดจากการโดนความร้อน โดนไฟไหม้ มีสรรพคุณช่วยลดอาการแสบร้อน ช่วยดับพิษร้อนทำให้ผิวเย็น ช่วยสมานแผล และลดรอยแผลเป็น ใช้ทาผิวเพื่อป้องกันผิวไหม้จากการโดนแสงแดด ใช้กินเพื่อบำรุงร่างกาย แก้ร้อนใน สมานแผลในช่วงปากและทางเดินอาหาร รักษาแผลในกระเพาะ
ราก นำมาทุบให้ละเอียด ต้มกับน้ำดื่มช่วยขับของเสียในร่างกาย ขับหนองและน้ำเหลือง
รักษาแผลในกระเพาะด้วยวุ้นว่านหางจระเข้
ใช้ใบแก่ปอกเปลือกออก เอาแต่ส่วนที่เป็นเนื้อวุ้นใส ๆ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ล้างน้ำให้สะอาด นำไปแช่ในน้ำเชื่อมทิ้งไว้ประมาณ 12 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำเชื่อมซึมเข้าเนื้อวุ้น ใช้กินเป็นของว่าง มีสรรพคุณช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร ป้องกันโรคกระเพาะ