น้ำส้มสายชู เครื่องปรุงรสเปรี้ยวที่มีความเป็นกรดน้ำส้มร้อยละ 5 น้ำส้มสายชูที่รู้จักกันทั่วไปมีอยู่ 3 ชนิด คือ น้ำส้มสายชูหมัก น้ำส้มสายชูกลั่น และน้ำส้มสายชูเทียม โดยน้ำส้มสายชูหมักคือชนิดที่ปลอดภัยที่สุด โดยเฉพาะน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิลที่ไม่เพียงปลอดภัย แต่ยังมีชื่อด้านสรรพคุณการป้องกันและรักษาได้สารพัดโรค จึงเป็นที่รู้จักกันดีในทางวิทยาศาสตร์ ว่าเป็นหนึ่งในอาหารธรรมชาติที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพและชีวิตที่ยืนยาว
น้ำส้มสายชูแอปเปิลได้จากการนำน้ำคั้นผลแอปเปิลที่สุกจัดคาต้นไปหมักในถังไม้ ให้เกิดปฏิกิริยาเคมีเปลี่ยนน้ำตาลในน้ำแอปเปิลให้กลายเป็นแอลกอฮอล์ แล้วเปลี่ยนเป็นกรดอะซิติก (Acetic acid) หรือกรดน้ำส้มในขั้นสุดท้าย ซึ่งกรดนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้มีรสเปรี้ยวและทำลายเชื้อจุลินทรีย์ จึงสามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่เสีย น้ำส้มสายชูที่ได้จะมีลักษณะเป็นน้ำใส สีน้ำตาลอ่อน เห็นเส้นใยบางๆ เรียกว่า มาเทอร์ (Mother) อยู่ที่ก้นขวด มาเทอร์เป็นส่วนที่มีสารอาหารและเอนไซม์มากที่สุด และดีต่อระบบย่อยอาหารอย่างมาก
จากกระบวนการหมักที่ไม่ผ่านความร้อนและการกรอง ทำให้มีเอนไซม์และสารอาหารอยู่ครบถ้วน อย่างเช่น โพแทสเซียม ที่ช่วยให้เซลล์ในร่างกายแข็งแรง มีส่วนช่วยให้เส้นเลือดแดงยืดหยุ่นได้ดี เบตาแคโรทีนช่วยย่อยและดูดซึมอาหารได้ง่าย ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง เพกตินช่วยในการดึงคอเลสเตอรอลออกจากร่างกาย เป็นการลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ส่งผลถึงการลดปัจจัยเสี่ยงของไขมันอุดตันเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ
มีการใช้น้ำส้มสายชูแอปเปิลเพื่อรักษาโรคมาแต่โบราณ เช่น ผสมน้ำส้มสายชู 2-3 ช้อนชาต่อน้ำ 1 แก้ว ดื่มวันละ 2-3 ครั้ง เพื่อแก้อาการปวดหัว ช่วยย่อยอาหาร แก้อ่อนเพลียเรื้อรัง หรือจะรักษาไซนัส ปวดหัว เป็นไข้ด้วย การผสมน้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ กับน้ำ 1 ถ้วย ต้มในกระทะ เมื่อเริ่มมีไอระเหยให้ปิดไฟ หาผ้ามาคลุมหัวทำกระโจมเหนือกระทะ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
สูตรผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำผึ้ง ดื่มบรรเทาอาการข้ออักเสบ กระตุ้นการสร้างน้ำดีของตับ กำจัดนิ่วในไตและในถุงน้ำดี ช่วยให้ระบบปัสสาวะเป็นปกติ และอีกสูตรคือ ผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมะนาว และน้ำอุ่น ดื่มบรรเทาอาการเจ็บคอและหวัดได้อย่างเห็นผล แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรบริโภคน้ำส้มสายชูแอปเปิลติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้ระดับโพแทสเซียมในเลือดต่ำ นำไปสู่สภาวะกระดูกพรุน