งาเป็นเมล็ดธัญพืชเล็กๆ ที่ทรงไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการในแถบเอเชียนิยมนำงามาประกอบอาหารทั้งคาวหวาน ในเมล็ดงานั้นมีส่วนประกอบที่เป็นน้ำมันมากถึง 40-50% จึงได้มีการคิดค้นสกัดน้ำมันจากเมล็ดงามาใช้ โดยส่วนใหญ่นำมาปรุงอาหารและใช้เป็นยาสามัญรักษาโรค
สารอาหารจากน้ำมันงา
เมล็ดงามีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ได้แก่ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินอี ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก แคลเซียม โพแทสเซียม ไขมัน โปรตีน แมกนีเซียม สังกะสี ทองแดง เป็นต้น ส่วนเมล็ดงาที่ถูกนำมาสกัดเป็นน้ำมันจะพบว่ามีกรไขมันอิ่มตัวชนิดหลายตำแหน่ง (Polyunsaturated fatty acids) และชนิดไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว (Monounsaturated fatty acids) ที่ช่วยป้องกันหลอดเลือดแดงแข็งและโรคหัวใจ
ประโยชน์จากน้ำมันงา
งามีไขมันจำเป็นที่ร่างกายสังเคราะห์เองไม่ได้คือกรดไลโนเลอิก (Linoleic acid) ร่างกายจะนำกรดไขมันดังกล่าวไปสร้างฮอร์โมนพรอสต้าแกลนดินฮีกัน ซึ่งช่วยลดความดันโลหิต ช่วยขยายหลอดเลือด นอกจากนี้งายังมีแคลเซียม ที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันส่วนเลซิตินที่เป็นส่วนประกอบของไขมันมีความสำคัญต่อเซลล์ประสาท ต่อมไร้ท่อ สมองและหัวใจ วิตามินบี ช่วยบำรุงประสาท ป้องกันโรคเหน็บชา รักษาอาหารนอนไม่หลับ และอาการบวมก่อนมีประจำเดือน น้ำมันงามีฤทธิ์เย็น แก้อาการท้องผูกเรื้อรัง ลดกรดในกระเพาะอาหาร ลดการอักเสบของทางเดินอาหารและกระเพาะปัสสาวะ บำรุงตับและไต
น้ำมันงายังนำมาใช้ดูแลผิวพรรณและเส้นผม งาอุดมด้วยวิตามินบีและไอโอดีนที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมและทำให้เส้นผมแข็งแรงสุขภาพดี ไขมันจากงาช่วยป้องกันผิวที่แห้งกร้าน ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น และช่วยชะลอความเสื่อมโทรมของเซลล์ผิว
ข้อมูลเนื้อหาเพิ่มเติม..(งา)
สูตรบำรุงหนังศีรษะด้วยน้ำมันงา
ส่วนผสม
- น้ำมันงา 1-2 ช้อนโต๊ะ
- ไข่แดง 1 ฟอง
วิธีทำ
- น้ำมันงาผสมไข่แดง คนให้ส่วนผสมเข้ากัน
- เมื่อนำมาใช้ ให้ชโลมเส้นผมด้วยน้ำให้พอเปียก จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มาหมักผมทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นสระผมออกด้วยแชมพูอ่อนๆ ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
สรรพคุณ
น้ำมันงาช่วยบำรุงหนังศีรษะและคืนความชุ่มชื้นให้แก่หนังศีรษะ ทำให้เส้นผมดกดำ ไม่หลุดร่วงง่าย เส้นผมไม่แห้งแตกปลาย