ทับทิม (Pomegranate)

ทับทิม ชื่อผลไม้อันมีที่มาจากลักษณะของเนื้อหุ้มเมล็ดสีแดงใส มีเหลี่ยมมุมสวยงามราวพลอยแดงสูงค่า เหมาะกับสมญานาม “อัญมณีแห่งผลไม้” ผู้คนหลายชนชาติยอมรับและเชื่อว่าทับทิมเป็นไม้สูงค่าและศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะคนจีนที่ถือว่าทับทิมเป็นไม้มงคลและเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ จึงนำทับทิมมาใช้ในวิถีชีวิตและพิธีกรรมมากมายหลายอย่าง จนอาจทำให้หลายคนเข้าใจว่าทับทิมมีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน แต่มีข้อสันนิษฐานว่าแท้จริงแล้วทับทิมมีถิ่นำเนิดจากประเทศแถบเปอร์เซีย

เนื้อใสหุ้มเมล็ดสีแดงหรือชมพูสดสวย ฉ่ำน้ำ รสหวานหรือหวานอมเปรี้ยวของทับทิมนั้นมีคุณค่ามากสมชื่อ เพราะเนื้อทับทิ่มมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ และช่วยบำรุงหัวใจ มีสารแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นรงควัตถุในพืชผักผลไม้ที่มีคุณสมบัติที่ดีในการต้านอนุมูลอิสระและดีต่อเส้นเลือด ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ มีสารโพลีฟีนอลที่มีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด จากการศึกษาวิจัยยืนยันว่าการดื่มน้ำทับทิมให้สารต้านอนุมูลอิสระมากเป็น 3 เท่าของการดื่มไวน์แดงและชาเขียวใรปริมาณที่เท่ากัน และน้ำทับทิม 1 แก้ว มีวิตามินซีร้อยละ 40 ของปริมาณที่ผู้ใหญ่ทั่วไปจำเป็นต้องได้รับในแต่ละวัน

หญิงและชายวัยทองก็ไม่ควรมองข้ามผลไม้ชนิดนี้ เพราะทับทิมมีสารไฟโตเอสโทรเจน (Phytoestrogen) ช่วยปรับฮอร์โมนและบรรเทาอาการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นเมื่อย่างเข้าวัยทอง เป็นแหล่งของวิตามินเอและอี จึงช่วยป้องกันและลดปัญหาเรื่องริ้วรอยที่เกิดจากวัย ส่วนสตรีมีครรภ์ก็จะได้รับประโยชน์จากกรดโฟลิก ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ อีกทั้งทับทิมยังมีโพแทสเซียมช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วย

นอกจากให้ประโยชน์ภายในร่างกายแล้ว ทับทิมยังช่วยดูแลความสวยงามภายนอกด้วย หากใครอยากหน้าใสก็ให้ใช้สำลีชุบน้ำทับทิมทาผิวหน้าทิ้งไว้สัก 10 นาที ผิวจะสดชื่นเปล่งปลั่งขึ้นได้แบบไร้ผลข้างเคียงจากสารเคมี สำหรับการดูแลผม ชาวจีนจะใช้ทับทิมทั้งผลบดละเอียด คั้นน้ำมาชโลมเส้นผมให้ทั่ว ทำบ่อยๆ ผมจะค่อยๆ ดำขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยคุณค่าอันเต็มเปี่ยมนี้เอง ที่ทำให้น้ำทับทิมรวมถึงสารสกัดจากเนื้อและเมล็ดทับทิม ได้รับความสนใจและนิยมไปทั่วโลกในปัจจุบัน

สิ่งที่น่าสนใจ