ข้าวสาลี (Wheat)

ข้าวสาลีถือเป็นพืชอาหารที่สำคัญที่สุดชนิดหนึ่ง แต่ไม่ค่อยกินข้าวสาลีเป็นเมล็ด มักนำไปแปรรูปเป็นแป้งสาลีเสียก่อน เพราะแป้งสาลีมีโปรตีนกลูเตน (Gluten) สูง เหมาะจะใช้หมักกับยีสต์ให้พองฟู ทำเป็นขนมปัง ขนมเค้ก เส้นพาสต้า คุกกี้ แต่บางคนอาจมีอาการแพ้กลูเตน ซึ่งอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำหรือเป็นมูก แน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปากเป็นแผล พบว่าประมาณร้อยละ 20 ของผู้แพ้ข้าวสาลีมีแนวโน้มที่จะแพ้ข้าวชนิดอื่น เช่น ข้าวบาเลย์ ข้าวไรย์ ข้าวโอ๊ต ด้วย

ในเมล็ดข้าวสาลีที่ยังไม่ขัดขาวหรือโฮลเกรน จะมีโปรตีนสูง มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งได้แก่แป้งที่เป็นแหล่งพลังงาน แต่ข้าวสาลีก็ไม่ทำให้อ้วน โดยข้าวสารโฮลเกรน 1/2 ถ้วย ให้พลังงานเพียง 55 แคลอรี มีวิตามินบีหลายตัวเช่น วิตามินบี 1 บี 2 ไนอะซิน บี 5 บี 6 มีเส้นใยอาหารสูง ทั้งเส้นใยอาหารชนิดละลายน้ำที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด และเส้นใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำที่ช่วยเพิ่มกากใยในระบบขับถ่าย ป้องกันท้องผูก ลดความเสี่ยงของโรคในลำไส้ เช่น ริดสีดวงทวารและมะเร็งในลำไส้ใหญ่

จมูกข้าวสาลีหรือวีตเจิร์ม (Wheat Germ) เป็นส่วนของเมล็ดข้าวสาลีที่จะงอกออกมาเป็นต้น ในท้องตลาดจะขายในรูปของวีตเจิร์มที่อบสุกพร้อมกิน มีรสหวานเล็กน้อย กลิ่นหอม ใช้โรยข้าว ข้าวต้น โจ๊ก นม ขนมปัง ให้ทั้งรสชาติและคุณประโยชน์ เพราะอดมด้วยโปรตีน วิตามินอีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวสำคัญ ช่วยชะลอความแก่ ป้องกันโรคเสื่อมต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจ จมูกข้าวสาลีมีซีลีเนียมที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงวัยกลางคน ในการช่วยป้องกันอาการของวัยหมดประจำเดือน มีสังกะสีที่จำเป็นสำหรับผู้ชาย ช่อยป้องกันโรคของต่อมลูกหมากและโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก จมูกข้าวสาลีอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้

รำข้าวสาลีหรือเยื่อบางๆ หุ้มด้วยผิวด้านนอกของเมล็ดข้าว ที่ถูกสีออกมาก่อนที่จะนำเมล็ดไปป่นเป็นแป้งสาลีขัดขาว รำเป็นส่วนที่มีเส้นใยอาหารสูง เมื่อกินเข้าไปจะช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระ และเส้นใยมีคุณสมบัติดูดน้ำได้ดีมาก ช่วยให้อุจจาระนุ่ม ถ่ายง่าย ระบบขับถ่ายจึงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีกินง่ายๆ ด้วยการชงรำข้าวสาลีสำเร็จรูป 1-2 ช้อนโต๊ะในน้ำร้อน ดื่มพร้อมอาหารมื้อเย็นที่ผสมข้าวกล้องร่วมกับข้าวขาวทีกินปกติ โดยมีผลการศึกษาจากประเทศอังกฤษว่าการกินอาหารที่ปนรำข้าว 3 ช้อนโต๊ะต่อวัน เป็นการเพิ่มปริมาณอุจจระขึ้นถึงเท่าตัว และถ้าจะให้ผลดีที่สุดควรเลือกรำข้าวสาลีที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งใดๆ

ต้นกล้าที่เพาะจากเมล็ดข้าวสาลี นำมาคั้นเป็นน้ำสีเขียวสดใส บ่งบอกว่ามีคลอโรฟิลล์ ในน้ำคั้นต้นกล้าข้าวสาลีมีคลอโรฟิลล์สูงถึง ร้อยละ 70 คลอโรฟิลล์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ช่วยป้องกันร่างกายจากสารก่อมะเร็ง ช่วยทำความสะอาดระบบหมุนเวียนโลหิต ช่วยให้สมองและเนื้อเยื่อมีออกซิเจนเพียงพอ มีสารซาโปนิน (Saponin) กำจัดสารพิษออกจากร่างกายในระดับเซลล์ และจากระบบน้ำเหลืองของร่างกาย ทั้งยังมีวิตามินเอ บี ซี และอี รวมถึงมีธาตุแคลเซียม โพแทสเซียม เหล็ก โซเดียม ซึ่งช่วยเพิ่มความเป็นด่างให้ร่างกายสามารถจับกรดที่เป็นพิษได้ แมกนีเซียมช่วยกำจัดไขมันส่วนเกิน การดื่มน้ำคั้นต้นกล้าข้าวสาลีให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ควรดื่มภายใน 15 นาทีหลังการคั้น เพื่อไม่ให้วิตามินบางชนิดสลายไปก่อน และสารอาหารเหล่านี้จะยิ่งทำงานอย่างมีประสิทธิภาพหากดื่มขณะท้องว่าง

สิ่งที่น่าสนใจ